เกษตรผสมปลูกแล้วกินกินแล้วปลูก

เกษตรผสมผสานปลูกแล้วกินกินแล้วปลูก เลี้ยงสัตว์แบบง่ายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561

ถั่วฝักยาว


ถั่วฝักยาว (ชื่อวิทยาศาสตร์Vigna unguiculata subsp. sesquipedalis) เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่เป็นไม้เลื้อย มีชื่อสามัญในภาษาต่างๆที่หลากหลาย เช่น สิบสองปันนาเรียก ถั่วลิ้นนาค ภาษาอังกฤษเรียกว่า yardlong bean (ตรงตัว:ถั่วยาวหนึ่งหลาภาษาจีนกวางตุ้งเรียกว่า dau gok ภาษาจีนกลางเรียก jiang dou (豇豆) ภาษาอินโดนีเซียและภาษามลายูเรียก kacang panjang ภาษาตากาล็อกเรียก 'SITAO' or 'SITAW' ภาษาอีโลกาโนเรียก utong ในหมู่เกาะเวสต์อินดีสเรียกว่า bora หรือ bodi ภาษาเบงกาลีเรียกว่า valiBorboti ในรัฐกัว อินเดียเรียก eeril ภาษาเวียดนามเรียก đậu đũa และภาษาญี่ปุ่นเรียก ju-roku sasage (十六ササゲ) อย่างไรก็ตาม ฝักของถั่วชนิดนี้ยาวเพียงครึ่งหลา ชื่อของสับสปีชีส์ sesquipedalis
 (หมายถึงยาวฟุตครึ่ง)ใกล้เคียงกับความยาวจริงๆของฝักถั่วมากกว่า

เป็นพืชล้มลุกปีเดียวที่นิยมปลูก และนิยมรับประทานมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีรสหวานกรอบ ใช้รับประทานเป็นผักสด ผักจิ้มน้ำพริก นอกจากนั้น ยังส่งจำหน่ายต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลาง และยุโรป

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลำต้น เป็นเถาเลื้อย เถาแข็งและเหนียว คล้ายกับถั่วพู แต่มีอายุเพียงปีเดียว หรือฤดูเดียว เถาสีเขียวอ่อน ลำต้นม้วนพันสิ่งยึดเกาะได้ดี ใบเป็นใบประกอบแบบฝ่ามือ มี 3 ใบย่อย รูปสามเหลี่ยมยาว 6 -10 เซนติเมตร ดอก เป็นดอกช่อออกตามซอกใบกลีบดอกสีขาว หรือน้ำเงินอ่อน ฝักเป็นฝักกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 - 1 เซนติเมตร ยาว 20 - 80 เซนติเมตร มีหลายเมล็ด[1]
ดอกถั่วฝักยาวจะออกดอกโดยไม่ขึ้นกับช่วงแสง มีอายุการออกดอกแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ได้แก่
– พันธุ์เบา ดอกบาน 50% เมื่ออายุ 33-42 วัน
– พันธุ์ปานกลาง ดอกบาน 50% เมื่ออายุ 43-52 วัน
– พันธุ์หนัก ดอกบาน 50% เมื่ออายุ 53-60 วัน
ดอก ถั่วฝักยาวจะบานในช่วงเช้า และหุบในช่วงบ่ายในวันเดียวกัน และมีการผสมเกสรในวันที่ดอกบาน และหลังจากผสมเกสรแล้ว กลีบดอกจะร่วง และจะมีการพัฒนาของฝัก คุณภาพฝักสดที่ดีจะอยู่ในช่วงวันที่ 6-8 หลังดอกบาน มีรสกรอบ หวาน และมีสารอาหารสูง ฝักยาว 20-60 เซนติเมตร มีสีเขียวอ่อนถึงสีเขียวเข้ม ปลายฝักมีสีเขียวหรือสีม่วง



คุณค่าทางโภชนาการถั่วฝักยาว (104 กรัม)
• พลังงาน : 48.9 กิโลแคลอรี่
• โปรตีน : 2.6 กรัม
• ไขมัน : 0.1 กรัม
• คาร์โบไฮเดรต : 9.5 กรัม
• วิตามิน
– วิตามิน A : 468 IU
– วิตามิน C : 16.8 มิลลิกรัม
– วิตามิน D : ไม่พบ
– วิตามิน E : ไม่พบ
– วิตามิน K : ไม่พบ
– วิตามิน B6 : ไม่พบ
– วิตามิน B12 : ไม่พบ
– ไทอามีน : 0.1 มิลลิกรัม
– ไรโบฟลาวิน : 0.1 มิลลิกรัม
– ไนอาซีน : 0.7 มิลลิกรัม
– โฟเลท : 46.8 ไมโครกรัม
– กรดเพนโทเทนิก : 0.1มิลลิกรัม
• แร่ธาตุ
– แคลเซียม : 45.8 มิลลิกรัม
– เหล็ก : 1.0 มิลลิกรัม
– แมกนีเซียม : 43.7 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส : 59.3 มิลลิกรัม
– โพแทสเซียม : 302 มิลลิกรัม
– โซเดียม : 4.2 มิลลิกรัม
– สังกะสี : 0.4 มิลลิกรัม
– แมกนีเซียม : 0.2 มิลลิกรัม
– ซีลีเนียม : 1.6 ไมโครกรัม

พันธุ์ถั่วฝักยาว
1. พันธุ์ของทางราชการ ได้แก่
– พันธุ์ ก 2-1A พัฒนาโดยกรมวิชาการเกษตร
– พันธุ์ มก. 8 พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2. พันธุ์ของบริษัทเอกชน ได้แก่
– พันธุ์ RW 24
– พันธุ์สองสี
– พันธุ์เขียวดก
– พันธุ์กรีนพอท
– พันธุ์แอร์โรว์
– พันธุ์เอเชียนนิโกร
– พันธุ์เกาชุง
3. พันธุ์พื้นเมือง ได้แก่
– พันธุ์ถั่วด้วง จ.สระบุรี
– พันธุ์ดำเนิน จ.ราชบุรี
– พันธุ์พื้นเมืองตรัง
– พันธุ์พื้นเมืองหนองคาย
พันธุ์แบ่งตามสีเมล็ด
1. พันธุ์เมล็ดสีแดง ออกดอกสีม่วง ฝักสีเขียว
2. พันธุ์เมล็ดสีแดงเข้ม ออกดอกสีม่วง ฝักสีม่วงเข้ม
3. พันธุ์เมล็ดสีขาว ออกดอกสีครีม ฝักสีเขียว
4. พันธุ์เมล็ดสีดำ ออกดอกสีม่วง ฝักสีเขียวเข้ม
5. พันธุ์เมล็ดสีแดงด่างขาว ออกดอกสีม่วง ฝักสีเขียว


ประโยชน์ถั่วฝักยาว
• ฝักอ่อนใช้รับทานสดหรือรับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริก ผักรับประทานกับอาหารจำพวกลาบ น้ำตก ซุบหน่อไม้ เป็นต้น
• ฝักอ่อนใช้ประกอบอาหาร เช่น ตำถั่ว แกงเลียง ผัดถั่ว เป็นต้น
• ยอดอ่อนจากการเพาะเมล็ด นำมาประกอบอาหารจำพวกผัด ให้รสหวานกรอบ
• เมล็ดถั่วฝักยาวชนิดสีแดงหรือแดงเข้มนิยมนำมาทำของหวาน
• เมล็ดถั่วฝักยาวชนิดสีแดงหรือแดงเข้มใช้บดเป็นแป้งสำหรับผสมอาหารหรือทำขนมหวาน
• เมล็ด ยอด และลำต้นใช้เป็นอาหารสัตว์ เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนสูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น